Avareum Market Outlook 2024: Global Economics

Avareum Market Outlook 2024: Global Economics

แนวโน้มเศรษฐกิจโลกปี 2024

การคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจโลกในปี 2024 เป็นโจทย์ที่ยังคงท้าทายมาก เนื่องจากความไม่แน่นอนในหลายปัจจัยที่จะมีผลกระทบกับโครงสร้างเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารกลางอื่น ๆ  ทั่วโลก จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของเงินที่จะไหลเข้าหรือออกจากประเทศต่าง ๆ  รวมถึงไหลเข้าและออกในสินทรัพย์ต่าง ๆ  โดยปัจจัยที่น่าจะมีผลกระทบอย่างชัดเจนต่อทิศทางของเศรษฐกิจโลกจะมีประเด็นหลัก ๆ ดังนี้ (โดยเราจะตั้งสมมติฐานเทียบเคียงในแต่ละหัวข้อระหว่างสหรัฐอเมริกา กับเศรษฐกิจโลก)

ต้นทุนทางการเงิน

สหรัฐอเมริกา
ต้นทุนทางการเงินของบริษัทสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดหลังจากการขึ้นดอกเบี้ยของ FED จนทำให้ปัจจุบันต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นมากกว่า 6% แล้วในบริษัทขนาดเล็ก ธุรกิจที่ต้องใช้เงินกู้ จะประสบปัญหาจากดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ในการ Refinance หนี้สิน หรือการออกหุ้นกู้ ก็จะมีความท้าทายมากขึ้น และต้นทุนทางการเงินที่สูงนี้จะกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท ซึ่งทำให้มีกำไรลดลงอย่างมีนัยสำคัญ การขยายธุรกิจ หรือการขยายกำลังการผลิตอาจจะมีอย่างจำกัดตามดอกเบี้ยที่สูงขึ้น การจ้างงานจึงมีแนวโน้มที่จะเริ่มชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปี 2023

Made with Flourish

ในขณะที่ภาคครัวเรือน หนี้สินภาคครัวเรือนต่อ GDP ของสหรัฐอเมริกาลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 100% ของ GDP มาอยู่ที่ 75% ต่อ GDP บ่งบอกถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา (แม้สัดส่วนนี้จะเทน้ำหนักไปที่กลุ่มผู้มีรายได้สูงมากขึ้น ในขณะที่กลุ่มผู้มีรายได้ต่ำจนลงก็ตาม) บ่งบอกว่า การบริโภคจะยังพอที่จะสามารถขยายตัวได้ตราบเท่าที่กำลังซื้อของประชาชนยังคงมีอยู่ ก็จะช่วยประคองเศรษฐกิจไม่ให้ตกต่ำได้

โลก
ธนาคารกลางหลายๆ ประเทศก็มีการขึ้นดอกเบี้ยตามสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 2023 ที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้ต้นทุนทางการเงินของหลายประเทศในโลกสูงไม่แตกต่างจากสหรัฐ แต่สิ่งที่แตกต่างที่สำคัญคือ ระบบเศรษฐกิจของหลาย ๆ ประเทศไม่ได้เข้มแข็งเท่าสหรัฐ ทำให้ต้นทุนทางการเงินกลายเป็นโจทย์ที่ยากขึ้นไปอีก การขยายการลงทุนจึงมีอย่างจำกัด การจ้างงานน่าจะชะลอตัวลงโดยเฉลี่ย

ในขณะที่ภาคครัวเรือน ในประเทศที่หนี้สินภาคครัวเรือนอยู่ในระดับที่ต่ำ เช่น ญี่ปุ่น (68%) อินเดีย (40%) จีน (60%) กลุ่มยูโร (55%) จะยังคงพอมีกำลังในการบริโภค ในขณะที่หลายประเทศจะประสบปัญหาการบริโภคลดลง และความมั่นใจของผู้บริโภคลดลง เช่นไทย (90%) อังกฤษ (80%) อาจจะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจได้

อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจโลกจะมีโอกาสเกิด Recession แต่ธนาคารกลางทั่วโลกยังพอมี Policy Space ในการที่จะลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่คำถามสำคัญคือ การปรับดอกเบี้ยลดลงจะเกิดขึ้นก่อนเศรษฐกิจ Recession หรือธนาคารกลางจะรอให้เศรษฐกิจ Recession แล้วจึงปรับดอกเบี้ย

เงินเฟ้อ

สหรัฐอเมริกา
เงินเฟ้อเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบในรูปแบบลูกโซ่ เริ่มจากในปี 2023 ธนาคารกลางสหรัฐขึ้นดอกเบี้ยเพื่อชะลอเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นรุนแรง โดยผลลัพธ์ของการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกาในปี 2023 ถือว่าประสบผลสำเร็จค่อนข้างดี โดยสามารถทำให้เงินเฟ้อลดลงอย่างมีนัยสำคัญโดยที่เศรษฐกิจไม่ได้กระทบในระดับที่รุนแรงมากนัก แต่ความท้าทายในปี 2024 คือ การลดดอกเบี้ยของ FED หากเกิดขึ้นจริง อาจจะมีผลทำให้เงินดอลลาร์เริ่มอ่อนตัวลง และเม็ดเงินส่วนหนึ่งไหลออกจากดอลลาร์ ซึ่งเมื่อดอลลาร์อ่อนตัวลง จะมีผลทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งเทรดในสกุลเงินดอลลาร์มีมูลค่าสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Soft Commodities หรือราคาพลังงาน ซึ่งอาจจะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นและกดดันให้เกิดเงินเฟ้อในรูปแบบ Cost Push เพิ่มขึ้นจากการลดดอกเบี้ยก็เป็นไปได้ เราจึงคาดว่า หากภาวะเศรษฐกิจไม่ได้ถดถอยอย่างมีนัยสำคัญ FED น่าจะไม่ได้ลดดอกเบี้ยในระดับที่สูงมากนัก ซึ่งจะช่วยประคองค่าเงินดอลลาร์ให้อ่อนตัวลงอย่างมีเสถียรภาพ

โลก
ในขณะที่หลายประเทศที่เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่สูง การลดดอกเบี้ยอาจจะมีผลโดยตรงทำให้ค่าเงินของสกุลเงินตนเองอ่อนค่าลง ซึ่งจะทำให้ต้นทุนพลังงานรวมถึงต้นทุนการผลิตต่าง ๆ  สูงขึ้นตามมา ในขณะที่บางประเทศเช่นญี่ปุ่น อาจจะมีนโยบายกลับด้านกับประเทศอื่น คืออาจจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ย เพื่อช่วยพยุงค่าเงินเยน เราอาจจะไม่ได้เห็นเงินเฟ้อลดลงเข้าสู่สภาวะปกติในปี 2024 ยกเว้นแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรงจนอำนาจซื้อของผู้บริโภคลดลง

ภูมิรัฐศาสตร์

ความขัดแย้งในหลายพื้นที่บนโลก จะเป็นตัวแปรที่ทำให้เกิดความผันผวน และความวิตกกังวล รวมไปถึงอาจจะทำให้ Supply Chain การขนส่งสินค้าสะดุดลงในกรณีที่ความขัดแย้งแผ่ขยายในวงกว้างด้วย การค้าระหว่างประเทศจะได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้น โครงสร้างเศรษฐกิจในทศวรรษที่ผ่านมา ที่เศรษฐกิจโลกขับเคลื่อนจากการร่วมมือระหว่างสหรัฐอเมริกาในฐานะผู้บริโภคและจีนในฐานะผู้ผลิต กำลังเดินมาถึงจุดจบ โลกเราหลังจากนี้จะขับเคลื่อนด้วยกลไกห่วงโซ่อุปทานที่แยกขาดจากกันระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน โดยจีนจะขับเคลื่อน GDP จากการหาตลาดใหม่ที่นอกเหนือจากสหรัฐอเมริกา รวมถึงขับเคลื่อนการบริโภคภายในประเทศ ในขณะที่สหรัฐอเมริกาจะเริ่มหาแหล่งผลิตใหม่ที่นอกเหนือจากจีน 

สิ่งนี้ในมุมมองของเราคิดว่าจะส่งผลดีต่อหลายประเทศที่มีความพร้อมในการรองรับการแยกระบบเศรษฐกิจของจีนและสหรัฐออกจากกัน เช่น บางประเทศจะเข้ามาเป็นฐานการผลิตของสหรัฐแทนจีน และบางประเทศจะเข้ามาเป็นกลุ่มผู้บริโภคของจีนแทนสหรัฐ

เทคโนโลยี

การเข้ามาของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็น Large Langauge Model (LLM) หรือ Generative AI ทำให้ปัญญาประดิษฐ์สามารถเข้ามาช่วยภาคธุรกิจในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตได้อย่างมีนัยสำคัญ แนวโน้มขององค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลกจะมีการเพิ่มจำนวนบุคลากรที่ช้าลง จนอาจจะก้าวไปถึงระดับการลดจำนวนบุคลากร และใช้ระบบอัตโนมัติในการช่วยประกอบธุรกิจ

สิ่งนี้เป็นเหมือนดาบสองคม ทั้งในแง่มุมด้านบวก ที่ต้นทุนของธุรกิจจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (ซึ่งในระยะยาวจะก่อให้เกิดสภาวะเงินฝืดจาก Cost Pull หรือการที่ราคาสินค้าลดลงจากต้นทุนที่ลดลงจากการก้าวกระโดดของเทคโนโลยี) และแง่มุมในด้านลบ คือ เศรษฐกิจโลกจะต้องการกำลังแรงงานของมนุษย์น้อยลงเรื่อยๆ ในระยะสั้น ประเทศที่มีกำลังแรงงานวัยทำงานสูง ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย หรือเวียดนาม จะได้เปรียบจากกำลังแรงงานจำนวนมากที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่เมื่อเทคโนโลยีก้าวกระโดดและเข้ามาทดแทนกำลังแรงงานมนุษย์ได้มากขึ้น ประเทศเหล่านี้จะเริ่มเกิดปัญหาการว่างงาน และการบริโภคที่หดตัวลงจากรายได้ที่ลดลงของประชากร

ในปี 2024 เราคงยังไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของการจ้างงานแบบก้าวกระโดด แต่เราจะเริ่มเห็นแนวโน้มการชะลอตัวของการจ้างงานของธุรกิจ ซึ่งเหตุผลไม่ได้มาจากเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างเดียว แต่มาจากการก้าวกระโดดของเทคโนโลยีที่สามารถเข้ามาทดแทนการทำงานของมนุษย์ได้ด้วย


แนวโน้มตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ปี 2024

Read more

Crypto Narrative 2024: Web 3.0 and Blockchain Adoption

Crypto Narrative 2024: Web 3.0 and Blockchain Adoption

Introduction to Web 3.0 and Blockchain Technology ประเด็นสำคัญ Web 3.0 หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “Semantic Web” หรือ “Decentralized Web” นับเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในโลกดิจิทัล โดยนำเสนอประสบการณ์ส่วนบุคคล ผ่านระบบสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract)

By Avareum Research
Avareum Market Outlook 2024: Perpetual Protocol

Avareum Market Outlook 2024: Perpetual Protocol

Derivative and Derivative in DeFi Derivative เป็นกลไกการทำธุรกรรมบนราคา ที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องถือครอง Asset ตัวอย่าง Asset ได้แก่ Bond, Stock, Commodity, Interest rate, Currency และ Crypto รูปแบบที่นิยมนำมา Trade กันได้แก่ Forward, Future และ Option เป็นต้น มูลค่าการซื

By Avareum Research
Avareum Market Outlook 2024: Real-World Assets (RWAs)

Avareum Market Outlook 2024: Real-World Assets (RWAs)

Introduction คำว่า “Real World Asset” หรือเรียกย่อ ๆ ว่า “RWA” ตอนนี้กลายเป็นคำที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายและในทุก ๆ กับคนในวงการคริปโต แต่สำหรับคนทั่วไปที่ยังไม่เข้าใจถึงคำนี้อย่างลึกซึ้ง อาจจะจำกัดความเป็นไปได้ของสินทรัพย์ประเภทนี้ว่าเป็

By Avareum Research
Market Outlook 2024: Liquid Staking (LSD) and Liquid Staking Finance (LSDFi)

Market Outlook 2024: Liquid Staking (LSD) and Liquid Staking Finance (LSDFi)

Liquid Staking Derivative เป็น DeFi อีก Sector หนึ่งที่กำลังร้อนแรงในช่วงนี้หลังจากที่มีการอัปเกรดครั้งสำคัญของ Ethereum อย่าง Shanghai Upgrade ที่จะทำให้คนที่นำ Ethereum มา Staking เพื่อทำ Proof of Stake (PoS) บน Beacon Chain สามารถที่จะ Withdraw ออกไปได้ โดยเงื่อนไขในการเป็น

By Avareum Research