Avareum Market Outlook: April 2023

Avareum Market Outlook: April 2023

Macroeconomics

จากการประชุม FOMC ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ทาง Jerome Powell ได้บอกว่าอาจจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ Aggressive ขึ้น 0.5% เพื่อที่จะกดเงินเฟ้อ และสิ่งที่ FED มองคือตัวเลข ทางเศรษฐกิจบางตัวเช่นอัตราการว่างงานยังคงลดลงอยู่ และภาคการบริการก็ยังแข็งแกร่ง ซึ่งส่งผลให้ตัวเลขเงินเฟ้อ จะลดลงยากขึ้นถ้าเศรษฐกิจยังดำเนินไปได้ดี สิ่งที่ FED ต้องการที่จะเห็นคือตัวเลขของคนตกงานที่เพิ่มขึ้น (Unemployment Rate) แต่เนื่องจากปัญหาในส่วนของ Banking System ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาที่มีเหตุการณ์ ธนาคารอย่าง Silicon Valley Bank (SVB) เกิดการล้ม และไม่สามารถที่จะทำงานได้เนื่องจากประสบปัญหาเรื่องสภาพคล่องจนทำให้ FDIC ต้องเข้ามาช่วยเหลือ และหลังจาก SVB ล้มแล้วมีธนาคารอีกหลาย ๆ ธนาคารล้มตาม ๆ กัน ทำให้ FED จึงต้องชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะไม่ขึ้นแบบ Aggressive อย่างที่เคยพูดไว้ในเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้ผลที่ออกมาในเดือนมีนาคม FED ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมาเพียง 0.25% เท่านั้น ในส่วนตัวเลขเศรษฐกิจอื่น ๆ ยังปรับตัวดีอยู่ไม่ว่าจะเป็น Unemployment Rate ที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 3.5% ซึ่งในส่วนนี้อาจจะทำให้ FED ยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ จนกว่าจะเห็น Unemployment Rate มีค่าเพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงตามที่คาดการณ์ไว้มาอยู่ที่ 6% ส่วนดัชนีการขยายตัวภาคการบริการ (ISM Service PMI) ยังขยายตัวดีอยู่ โดยการประชุม FOMC ครั้งล่าสุด ในเดือนมีนาคม Jerome Powell ได้พูดยืนยันในเรื่องความ แข็งแกร่งของ US Banking System และบอกว่าเราจะไม่ได้ เห็นการลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 อย่างแน่นอน

Crypto Indicator

Global Asset Index

การเปลี่ยนแปลงดัชนีสินทรัพย์ต่าง ๆ เทียบกับตลาดคริปโตฯ ($BTC, $ETH) แสดงดังรูปด้านล่าง

Fear & Greed Index

Multifactorial Crypto Market Sentiment Analysis

Made with Flourish

ค่า Fear and Greed Index ที่เป็นค่าที่บ่งบอกถึงความกลัว และความโลภของนักลงทุนในตลาดคริปโต ค่า Index โดยค่า Fear and Greed Index เมื่อเดือนที่แล้วมีค่าอยู่ที่ 53 ส่วนในปัจจุบันมูลค่าตลาดคริปโต ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ $1.124T และราคา Bitcoin ปรับตัวเพิ่มจากเดือนกุมภาพันธ์ ขึ้นมาอยู่ที่ $27,615 ทำให้นักลงทุนค่อนข้างมี Sentiment ที่เป็นเชิงบวกกับตลาด คริปโตพอสมควร โดย ณ ปัจจุบันค่า Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น มาอยู่ที่ 64 (Greed)

Crypto Market Overview

มูลค่าของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี (Total Crypto Market Cap.)

ในช่วงต้นเดือนมีนาคมตลาดกลับมาหลุดแนวรับ $1T อีกครั้ง โดยครั้งนี้มูลค่าตลาดคริปโตปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ $870B พร้อมกับข่าวร้ายของทางฝั่ง Circle ที่มีเงินติดอยู่ใน Silicon Valley Bank (SVB) ประมาณ $3.3B ที่เกิดการล้ม ไม่สามารถดำเนินการได้ต่อ จนทำให้ FDIC เข้ามาดู ทำให้มีความกังวลในเรื่อง USDC Stable และเนื่องจาก USDC เป็น Stable Coin ที่มีขนาดใหญ่ เป็นอันดับ 2 ในโลกคริปโต ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลกับตลาดเช่นกัน ส่งผลให้กดดันมูลค่าของตลาดคริปโตปรับตัวลดลงมาที่ระดับดังกล่าว แต่หลังจากสถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลายลง

ทางฝั่ง FED ได้ตั้งกองทุนมาดูแลเรื่องสภาพคล่องของธนาคาร และรับประกันเงินฝากของผู้เสียหายที่ฝากไว้ที่ธนาคาร SVB ทำให้ตลาดรับรู้ข่าวดีและปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่เหนือ $1T อีกครั้ง ในวันที่ 23 มีนาคมทาง FED ได้ประกาศการขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยนโยบายตามที่คาดการณ์ไว้คือ 0.25% ซึ่งเป็นไปตามที่หลายฝ่ายได้คาดการณ์ไว้ เนื่องจากความไม่แน่นอนของ US Banking System ว่าถ้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% อาจจะทำให้ธนาคารต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกาอาจจะประสบปัญหาได้ การที่ FED ไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่รุนแรง ทำให้ค่อนข้างส่งผลดีกับตลาดคริปโตพอสมควร ถึงแม้ว่า FED จะปิดท้ายด้วยว่าในปี 2566 นี้เราอาจจะไม่ได้เห็นการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารเองก็ตาม

Crypto On-Chain Data

Bitcoin: Realized Cap - UTXO Age Bands (%)

Realized Cap-UTXO Age Bands เป็นข้อมูล On-Chain ที่ใช้วัดมูลค่าของ Bitcoin ในกลุ่มคนที่ถือ Bitcoin ในระยะเวลาต่าง ๆ กันว่ามีสัดส่วนเป็นเท่าไร เพื่อใช้วัด Sentiment ของตลาดว่านักลงทุนมีมุมมองเป็นยังไง โดยเราใช้กระเป๋าที่มีอายุในการถือ Bitcoin ในช่วง 1 ปี ถึง 2 ปี ใช้เป็นตัวแทนกลุ่มคนที่ลงทุนระยะยาว

เมื่อเทียบกับข้อมูลช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาสัดส่วนของกระเป๋า ที่ถือ Bitcoin ในระยะเวลา 1-2 ปีมีสัดส่วนอยู่ที่ 39.95% ส่วนในปัจจุบันกระเป๋าที่ถือ Bitcoin ระยะเวลา 1-2 ปี มีสัดส่วนที่ลดลงมาอยู่ที่ 37.62% จะเห็นได้ว่าสัดส่วนการลงทุนของคนถือระยะ 1-2 ปี ลดลง เนื่องจากราคา Bitcoin ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 1 เดือนที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนระยะ 1-2 ปี ขาย Bitcoin เพื่อปรับ Position ออกไป

Bitcoin: Exchange Netflow (Total) - All Exchanges

ณ ปัจจุบันมีการโอน Bitcoin เข้า Exchange ทุก Exchange ปริมาณ 240 BTC ที่ Bitcoin ราคา $27,440 มีปริมาณลดลงเมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา มีการโอน Bitcoin เข้ามาปริมาณ 912 BTC ที่ Bitcoin ราคา $23,154 โดยถ้าดูจากราคาแล้วในช่วงเดือนมีนาคมควรจะต้องมีการโอน BTC เข้ามาใน Exchange มากกว่าเดือนกุมภาพันธ์เพราะราคา BTC ที่ปรับตัวสูงขึ้น ควรจะทำให้นักลงทุนอยากโอนเข้ามาขายมากขึ้น แต่ผลกลับตรงกันข้าม

อาจจะเนื่องจากสถานการณ์ธนาคารหลายแห่งในสหรัฐอเมริกาเกิดการล้ม ทำให้คนอาจจะไม่มีความไว้วางใจ เกี่ยวกับระบบ Banking System ซึ่งตัว BTC เองนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพราะความไม่ไว้วางใจในระบบการเงิน ทำให้นักลงทุนมีแนวโน้มอยากจะขาย BTC ที่ลดลง ถึงแม้ราคาของ BTC จะปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนที่แล้วก็ตาม

Ethereum: Exchange Netflow (Total) - All Exchanges

ณ ปัจจุบันมีการโอน Ethereum ออกจาก Exchange ทุก Exchange ปริมาณ 70,777 ETH ที่ Ethereum ราคา $1,742 มีปริมาณการโอนออกมากกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา ที่มีการโอน Ethereum ออกจาก Exchange สูงถึง 434 ETH ที่ Ethereum ราคา $1,594

โดยเราสามารถอนุมานได้ว่าการโอน Ethereum ออกจาก Exchange มันแปลว่า ผู้เล่นในตลาดเข้ามาซื้อ Ethereum ใน Exchange มากขึ้นเมื่อเทียบกับ 1 เดือนที่ผ่านมา

Smart Money: Stablecoins Allocation

Stablecoins Allocation ถือว่าเป็นอีกหนึ่งข้อมูล On-Chain ที่ใช้บอก Sentiment ของตลาดว่าตอนนี้ Smart Money มีมุมมองกับตลาดเป็นยังไง ตอนนี้มองตลาดเป็นตลาดขาขึ้น (Bullish) หรือตลาดยังคงเป็นขาลงอยู่ (Bearish) ในสมมุติฐานที่ว่า Smart Money ย่อมมีข้อมูลบางอย่างที่ใช้ในการตัดสินใจที่ดีกว่านักลงทุนรายย่อย โดยสัดส่วนของ Stable Coin ที่อยู่ในกระเป๋าของ Smart Money สามารถใช้เป็นตัวชี้วัดได้เหมือนกัน ถ้า Smart Money มีการถือ Stable Coin ในกระเป๋าที่เยอะ เราสามารถตีความหมายได้ว่า “ตัว Smart Money ยังมองว่าเป็นตลาดหมีอยู่” แต่ถ้าสัดส่วนของ Stable Coin ในกระเป๋าลดน้อยลง เราสามารถตีความหมายได้ว่า “Smart Money เริ่มมองว่าเป็นตลาดกระทิง”

  • ตลาดหมี: สัดส่วนของ Stable Coin 25%-40%
  • ตลาดกระทิง: สัดส่วนของ Stable Coin < 25%

ซึ่งข้อมูล On-Chain ณ ปัจจุบันเราจะเห็นว่า ตัว Smart Money เริ่มลดสัดส่วนของการถือ Stable Coin ลงมาอยู่ที่ 17% จุดนี้สามารถมองได้ว่า Smart Money เริ่มกลับมา Bullish กับตลาดแล้ว โดยมีแนวโน้มลดลงจากตัวเลข 1 เดือน ที่ผ่านมาจาก 24% แต่ถึงแม้ว่า Smart Money จะมองตลาดดีแค่ไหน ณ ตอนนี้ จากภาพรวม Global Macro ก็ยังไม่ได้ดีมากนัก เรื่องสภาพคล่องต่าง ๆ ก็ยังคงน้อยอยู่ มุมมองของฝ่ายวิจัย Avareum มองว่าการขึ้นของตลาดในช่วงนี้อาจจะไม่ใช่ Bull Run แบบในช่วงปี 2021 อาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่ไปไม่ได้ไกลมากนัก

Crypto News

USDC Depeg Risk [1]

มีความกังวลในเรื่อง USDC ที่เป็น Stable Coin ของทางฝั่ง Circle เกิดการหลุด Peg เนื่องจากสินทรัพย์ค้ำประกันในส่วน ของเงินสดของ Circle ประมาณ $3.3B หรือประมาณ 8% ของสินทรัพย์ทั้งหมด ฝากอยู่ในธนาคาร Silicon Valley Bank (SVB) ที่ประสบปัญหาสภาพคล่องจนไม่สามารถที่จะ ดำเนินการได้ต่อ ทำให้หลายฝ่ายมองว่าถ้า Circle ไม่สามารถ ได้เงินส่วนนี้คืน ตัว USDC จะไม่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน อยู่ข้างหลัง 100% จริง ๆ ทำให้นักลงทุนต่างพากันเทขาย USDC แล้วเปลี่ยนไปเป็น Stable Coin ตัวอื่น ๆ จนทำให้ USDC หลุด Peg ลงมาต่ำสุดที่ประมาณ $0.88 ก่อนที่จะดีดกลับไป Peg ที่ $1 หลังจากทาง Circle ออกมาประกาศว่าจะใช้ทรัพยากรต่างของบริษัทนำเงินที่หายไปกลับมาเติมให้ได้ พร้อมกับทาง FED ได้มีการประชุมและได้ออกมาตรการเรื่องการสนับสนุนสภาพคล่องเพื่อประกันเงินฝากให้กับลูกค้าที่ฝากเงินกับธนาคารในสหรัฐอเมริกา

โดยตัว USDC นั้นจัดเป็น Stable Coin ประเภท “Fiat Back” ที่จะมีเงินสดและสินทรัพย์เทียบเท่าเงินสดในการเป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน โดยส่วนประกอบ ณ ปัจจุบันจะมีเงินสด 23% กระจายฝากตามแบงค์ต่าง ๆ อยู่ 6 แห่ง ซึ่ง SVB ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่หลังจากเกิดปัญหาดังกล่าวทาง Circle ได้ถอนเงินสดออกจากธนาคารขนาดเล็กแล้วนำมารวมไว้ที่ BNY Mellon และสินทรัพย์อีก 77% จะเป็น US Treasury Bill ที่มีอายุต่ำกว่า 3 เดือน ซึ่งตลาดของ US Treasury Bill เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องที่สูง และเป็น Bond ที่อยู่ภายใต้ การดูแลของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งตัว Treasury Bond นั้นถูกเก็บ ไว้ที่ธนาคาร BNY Mellon และถูกบริหารด้วยกองทุน Blackrock ซึ่งเราสามารถเข้าไปตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น CUISP Number ของ T-Bill ผ่านทางเวปไซด์ USDXX Ticket 

Backstopped Liquidity for US Banking System [2]

หลังจากที่ Silicon Valley Bank ล้มและไม่สามารถดำเนินการได้ หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดการล้มของธนาคารที่มีความเกี่ยวข้องกับคริปโตอีกเจ้าอย่าง Signature Bank ทาง US Treasury Secretary, อย่าง Janet Yellen ได้มีการประชุมเพื่อปรึกษาหารือประเด็นดังกล่าวกับ Jerome Powell ประธาน FED และ Martin Gruenberg ประธานของ FDIC ว่าจะแก้ปัญหาเหตุการณ์ดังกล่าวยังไง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในวงกว้างและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนสหรัฐอเมริกาต่อระบบธนาคาร โดยหลังจากจบการประชุมได้มีนโยบายเกี่ยวกับ “Backstopped Liquidity” เป็นกองทุนที่ใช้ในการสำรองสภาพคล่องให้กับธนาคารต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา โดยกองทุนนี้มีขนาด $25B โดยจะให้ธนาคารต่าง ๆ ที่มีปัญหาสภาพคล่องจากการที่ผู้ฝากเข้ามาถอนเงินจำนวนมาก เพื่อป้องกันเหตุการณ์ “Bank Run”

โดยธนาคารดังกล่าวจะต้องนำสินทรัพย์ของธนาคารมาค้ำประกัน โดยจะเป็นการกู้เงินในระยะสั้น 1 ปี โดยทางกองทุนนี้จะรับซื้อสินทรัพย์ที่ราคาหน้าตั๋ว (Par Value) และกู้ออกไปได้ในอัตราส่วน 1:1 โดยทางธนาคารจะต้องมีการจ่ายดอกเบี้ยคืนทาง FED ในวันที่นำเงินกู้มาคืน โดยสินทรัพย์ที่นำมาวางค้ำประกันก็จะเป็นพวกตราสารหนี้และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ เหตุผลที่ทำเช่นนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ธนาคารขายสินทรัพย์เหล่านี้ออกไปในราคาที่ขาดทุนจนส่งผลเสียกับธนาคาร

Euler Finance Suffer from Exploit $200M [3]

Euler Finance เป็น Protocol เกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน บนโลก DeFi ได้รับความเสียหายประมาณ $200M จากขโมยผ่านการโจมตี Smart Contract ด้วย Flash Loan Attack โดยทาง Hacker ได้มีการทำ Flash Loan เข้ามาที่ Euler Finance ถึง 6 ครั้ง โดยสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้ไปประกอบไปด้วย $DAI มูลค่า $8.7M, $WBTC มูลค่า $18.5M, $stETH มูลค่า $135.8M และ $USDC มูลค่า $33.8M ซึ่งในกรณีของการขโมยเงินในรูปของ Flash Loan Attack ถือว่าเป็นเรื่องปกติในโลกของ DeFi ซึ่งความเสียหายของทาง Euler ติด 1 ใน 10 ของเวปไซด์ rekt.news โดยอันดับหนึ่งที่มีการถูก Hack ยังเป็นของ Ronin Bridge, Axies Infinity มูลค่าความเสียหายอยู่ที่ $624M

โดยความผิดพลาดตรงนี้ ทาง Peckshield ได้บอกว่าเกิดจาก Logic ของ Code ใน Smart Contract ส่วนของ “Donation และ Liquidation” มีความผิดพลาด ซึ่งเป็น Feature ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ และไม่ได้มีการทำ Security Audited เลยทำให้เกิดช่องโหว่ในการโจมตี

Ethereum success to upgrade and finalize 14 April for Completed Shanghai Upgrade [4]

หลังจากได้มีการเลื่อน Shanghai Upgrade ในเดือนมีนาคม เนื่องจากทางทีมพัฒนาได้ตรวจเจอ Bug ทำให้ต้องทำการ ทดสอบกันใหม่ ตอนนี้ “Shapella” Upgrade บน Goerli ที่เป็น Ethereum Testnet ได้ Upgrade เสร็จสมบูรณ์แล้ว ในการทดสอบเรื่องการถอน Ethereum โดยแผนการทำ Hardfork บน Mainnet จะเป็นช่วงวันที่ 14 เมษายน 2566 โดยคำว่า Shapella เกิดจากการผสมคำระหว่าง “Shanghai Upgrade” และ “Capella” ที่เป็น Consensus Layer โดยก่อนหน้านี้ทางทีมนักพัฒนาได้มีการทดสอบการถอน Ethereum บน Public Testnet ของ Sepolia และ Zhejiang ก่อนที่จะมาทำบน Goerli

ซึ่งตามข้อมูลการทดสอบบน beaconcha.in, ได้ทดสอบดำเนินการถอนไปทั้งหมด 58,063 ครั้ง บน Goerli Testnet, ด้วยปริมาณ $ETH จำลองจำนวนทั้งสิ้น 124,246.82 $ETH ไม่พบเจอปัญหาในการถอน ถือว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งที่เข้าใกล้การ Upgrade อย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน

Immutable and Polygon Join Forces To Attract Web3 Game Developers [5]


Project ยักษ์ใหญ่ทั้ง 2 เจ้าที่มีบทบาทสำคัญกับ Ethereum ในเรื่องของการแก้ปัญหา Scaling อย่าง Polygon และ Immutable X ได้จับมือกันร่วมพัฒนา Web 3.0 Gaming เพื่อให้เกิดการ Adoption ได้เร็วยิ่งขึ้น โดยทาง Immutable จะเข้ามาใช้เทคโนโลยีจากทาง Polygon ในส่วนของ Zero Knowledge Technology เพื่อที่จะสร้างเครือข่าย Blockchain ใหม่ขึ้นมาที่เรียกว่า “Immutable zkEVM” ที่เป็นการออกแบบ Rollup ทำให้การดำเนินการธุรกรรมต่าง ๆ บน Blockchain Network ใหม่ตัวนี้มีความไวและง่ายต่อการเชื่อมต่อของ Web 3.0 Gaming

ซึ่งการสร้าง Immutable zkEVM จะทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่ที่พัฒนาเกมหรือแม้แต่จะเป็นนักพัฒนาเกมส่วนบุคคลสามารถที่จะมาพัฒนาเกมและ item ที่อยู่ในเกมเพื่อสร้างความเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น (Asset Ownership) โดยทาง Polygon ได้มีประกาศ Testnet ของ zkEVM ไว้เมื่อเดือนตุลาคม 2565 ส่วน Mainnet นั้นจะเปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 มีนาคม 2566

โดย DeFi OG ที่อยู่ในโลกของ DeFi อย่าง Uniswap และ AAVE ก็จะเป็นเจ้าแรก ๆ ที่จะ Deploy ตัว Protocol บน zkEVM ของ Polygon ส่วนทางฝั่ง Sandeep Nailwal ที่เป็น Co-Founder ของ Polygon กล่าวว่า Game Studio ที่สร้างและพัฒนาเกมอยู่บน Immutable X สุดท้ายแล้วก็จะมาใช้ Polygon เป็น Validator Node ในการตรวจสอบธุรกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในเกมที่พวกเขาสร้าง ซึ่งสิ่งนี้มันจะทำให้เกิด “แรงซื้อ หรือ ความต้องการ” ตัวเหรียญ $MATIC ใช้ในการนำมา Staking บน Polygon Chain

CFTC Sues Binance, CEO Zhao Over 'Willful Evasion' of U.S. Laws, Unregistered Crypto Derivatives Products [6]

CFTC ฟ้อง Binance US Exchange และผู้ก่อตั้ง Changpeng Zhao (CZ) เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยกล่าวหาว่าบริษัทได้นำเสนอผลิตภัณฑ์อนุพันธ์คริปโต (Crypto Derivative) ที่ไม่ได้จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งขัดต่อกฎหมายของรัฐบาลกลาง คดีที่ยื่นฟ้องกล่าวหาว่า Binance ดำเนินการซื้อขายอนุพันธ์ในสหรัฐ ที่เป็นสกุลเงินดิจิทัล ได้แก่ Bitcoin ($BTC), Ethereum ($ETH), Litecoin ($LTC), Tether USD ($USDT) และ Binance USD ($BUSD) ซึ่งทาง CFTC มองว่าสินค้าเหล่านี้จัดเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) และการยื่นฟ้องนี้ยังกล่าวหาว่าบริษัทภายใต้การนำของ CZ สั่งให้พนักงานบอกลูกค้าที่เป็นคนสหรัฐอเมริกาไม่ให้แสดงภูมิลำเนาของตนเอง (Location) เพื่อให้สามารถ KYC และสามารถใช้งาน Binance International ได้ โดยนอกเหนือจากนี้ยังมีการแนะนำให้ลูกค้าใช้ VPN ในการเชื่อมต่อการใช้งานกับ Binance International อีกด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงกฏหมายที่กำกับดูแลลูกค้าฝั่งสหรัฐอเมริกา

CFTC กำลังเรียกเก็บเงินจากทาง Binance Exchange เนื่องจากละเมิดกฎหมายเกี่ยวกับการเสนอการทำธุรกรรมสินค้าอนุพันธ์ (Derivative Products) ที่ไม่ได้มีการลงทะเบียนตามกฏหมาย ถือว่าทาง Binance ล้มเหลวในการดูแลลูกค้าและการปฏิบัติตามกฏหมายในเรื่องการลงทะเบียนเป็นผู้ค้าสินค้าอนุพันธ์ การกำกับดูแลธุรกิจไม่ดี ไม่ใช้ความรู้ในการป้องกันการฟอกเงิน เพราะ CFTC มองว่าลูกค้าของ Binance ที่เป็นคนของสหรัฐอเมริกาพยายามใช้วิธีการต่าง ๆเหล่านี้เพื่อหลบเลี่ยงกฏหมาย ถือว่าเป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมในการฟอกเงิน

Crypto Technical Analysis

วิเคราะห์เหรียญ Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) ด้วย Technical Analysis

Bitcoin (BTC)

มุมของการวิเคราะห์ Technical Analysis ทางฝ่ายวิจัย Avareum มองว่า $BTC ยังวิ่งอยู่ในกรอบ $25,000 - $29,000 ที่เป็นแนวรับ/แนวต้าน ระยะใกล้ ถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยบวกเล็กน้อยเกี่ยวกับ US Banking System ที่ไม่น่าไว้วางใจ ว่าจะเกิด Bank Run อีกหรือไม่ ทำให้คนอาจจะหาทางเก็บเงินในรูปแบบอื่นที่เป็นสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง $BTC

เพราะมันคือจุดประสงค์ที่ $BTC ถูกสร้างขึ้นมาจาก “ความไม่เชื่อใจ” ในระบบการเงินปัจจุบัน ส่วนปัจจัยที่กดดันราคาของในระยะ 2-3 เดือนต่อจากนี้ จะเป็นเรื่องของ Mt.Gox ที่จะมีการคืน $BTC ให้เจ้าหนี้ ซึ่งทางฝ่ายวิจัยมองว่าจะมีแรงเทขายเกิดขึ้นเพื่อทำกำไรจาก $BTC

Ethereum (ETH)

มุมของการวิเคราะห์ Technical Analysis ทางฝ่ายวิจัย Avareum มองว่า $ETH ยังวิ่งอยู่ในกรอบ $1,700 - $2,000 ที่เป็นแนวรับ/แนวต้าน ระยะใกล้ โดยปัจจัยเชิงบวกของฝั่ง $ETH จะมาจาก Shanghai Upgrade ที่จะทำให้ผู้ที่นำ $ETH มา Stake บน Beacon Chain สามารถที่จะถอน $ETH ออกไป ทำให้มีแนวโน้มให้อัตราการ Staking $ETH จะเพิ่มสูงขึ้น เป็นส่วนช่วยในเรื่องของ Buy Pressure ที่จะผลักดันราคาของ $ETH ให้เพิ่มสูงขึ้น

โดยการอัพเกรดจะเสร็จสมบูรณ์ประมาณกาลไว้วันที่ 14 เมษายน นอกเหนือจาก Shanghai Upgrade แล้วจะมีในเรื่อง EIP-4844 ที่จะเข้ามาช่วยทำให้ค่า Fee ของฝั่ง Ethereum ทั้งในฝั่งของ Mainnet และ Layer 2 นั้นถูกลง ปัจจัยนี้จะเป็นส่วนกระตุ้นให้เกิด Adoption ที่มากขึ้น

Market Outlook for Next Month!

ประเด็นที่น่าติดตามในเดือนถัดไป ก็คงจะเป็นตัวเลขเศรษฐกิจ ว่ายังคงแข็งแรงอยู่หรือไม่ ซึ่งทาง FED อยากจะเห็นตัวเลข การว่างงาน (Unemployment Rate) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือในฝั่งของการจ้างงาน Job Opening ก็ควรจะเปิดรับ น้อยลงเช่นกัน เพื่อแสดงให้เห็นว่าบริษัทต่าง ๆ เริ่มรัดเข็มขัด ลดต้นทุน ไม่รับคนเพิ่ม 

ในส่วนของดัชนีการขยายตัวของภาคบริการก็ยังปรับตัวดีอยู่ ซึ่งส่วนนี้น่าจะเป็นปัญหาในการกดเงินเฟ้อมากกว่าฝั่งภาคอุตสาหกรรม แต่ถ้าตัวเลขต่าง ๆ นั้นยังดูดีอยู่ แปลว่า FED ยังมีพื้นที่ให้เพิ่มอัตราดอกเบี้ยอยู่ โดยในอดีตนั้น อัตราดอกเบี้ยนโยบายมักจะมากกว่าหรือเท่ากับอัตราเงินเฟ้อถึงจะพอกดเงินเฟ้อให้ลดต่ำลงได้ นั้นแปลว่าปัจจุบันเงินเฟ้อ อยู่ที่ 6% ส่วนอัตราดอกเบี้ยปรับรอบที่ผ่านมา 0.25% มาอยู่ที่ 5% มีความเป็นไปได้ที่จะปรับเพิ่มขึ้นไปมากกว่าหรือเท่ากับ 6% โดยที่การประชุมครั้งล่าสุด FOMC ทาง Jerome Powell ได้ออกมาบอกแล้วว่าเราจะไม่เห็นการลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 อย่างแน่นอน

ส่วนการทำ Quantitative Tightening (QT) ก็ยังทำอยู่ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการตั้งกองทุนสนับสนุน สภาพคล่องของระบบธนาคาร (Liquidity Backstop) ส่วนนี้จะเป็นการให้สภาพคล่องเพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่แน่นอนหละว่าการที่ FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบ Aggressive 0.5% ก็จะเกิดขึ้นได้ยากพอสมควรเนื่องจาก อาจจะส่งผลกระทบต่อธนาคารต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา

ในฝั่งของคริปโตเหตุการณ์ที่ควรติดตามจะเป็นเรื่อง Shanghai Upgrade ของ Ethereum ที่จะทำให้ผู้ฝาก $ETH บน Beacon Chain สามารถถอน $ETH ออกมาได้นั้นจะมีการเลื่อนเกิดขึ้นอีกครั้งหรือไม่ เพราะครั้งที่แล้วในเดือนมีนาคมนั้นทางนักพัฒนาได้พบ Bug ในช่วงการ Upgrade เลยทำให้การ Upgrade บน Mainnet ต้องเลื่อนออกไป ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง จะทำให้เกิดมุมมองในเชิงลบกับ Ethereum ได้อยู่เหมือนกัน


References

[1] Rice, J. (2023, March 11). Don’t panic: “Circle will stand behind USDC and cover any shortfall.” Blockworks. https://blockworks.co/news/circle-stand-behind-usdc

[2] Sinclair, S. (2023, March 13). Signature, Silicon Valley Bank Depositors Will be Made Whole. Blockworks. https://blockworks.co/news/signature-silicon-valley-bank-made-whole

[3] Liu, B. (2023, March 13). Euler suffers $200M exploit in flash loan attack. Blockworks. https://blockworks.co/news/euler-suffers-200m-exploit

[4] Liu, B. (2023, March 15). Shapella upgrade brings ethereum closer to long-awaited withdrawals. Blockworks. https://blockworks.co/news/shapella-upgrade-brings-ethereum-closer-to-long-awaited-withdrawals?nocache

[5] Nagarajan, S. (2023, March 21). Immutable and Polygon join forces to attract Web3 game developers. Blockworks. https://blockworks.co/news/immutable-and-polygon-join-forces-to-attract-web3-game-developers

[6] Nikhilesh De, Jack Schickler, Oliver Knight, Jesse Hamilton, Cheyenne Ligon. (2023, May 9). Binance, CEO Zhao Sued by CFTC Over 'Willful Evasion' of U.S. Laws, Unregistered Crypto Derivatives Products. CoinDesk. https://www.coindesk.com/business/2023/03/27/binance-and-cz-sued-by-cftc-over-regulatory-violations/



Disclaimer: Avareum Research is an independent crypto research firm committed to providing unbiased and informative content. While we strive for complete objectivity, it's important to note that the research industry is inherently complex and may be influenced by various factors. To ensure transparency, we disclose any potential conflicts of interest, such as financial sponsorships or investments in the crypto space. Ultimately, all research and analysis provided by Avareum Research is intended for informational purposes only and should not be considered financial advice. Please consult with a qualified professional before making any investment decisions.

© 2024 Avareum Research. All Rights Reserved. This article is provided for informational purposes only. It is not offered or intended to be used as legal, tax, investment, financial, or other advice.

Read more

Crypto Narrative 2024: Web 3.0 and Blockchain Adoption

Crypto Narrative 2024: Web 3.0 and Blockchain Adoption

Introduction to Web 3.0 and Blockchain Technology ประเด็นสำคัญ Web 3.0 หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “Semantic Web” หรือ “Decentralized Web” นับเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในโลกดิจิทัล โดยนำเสนอประสบการณ์ส่วนบุคคล ผ่านระบบสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract)

By Avareum Research
Avareum Market Outlook 2024: Perpetual Protocol

Avareum Market Outlook 2024: Perpetual Protocol

Derivative and Derivative in DeFi Derivative เป็นกลไกการทำธุรกรรมบนราคา ที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องถือครอง Asset ตัวอย่าง Asset ได้แก่ Bond, Stock, Commodity, Interest rate, Currency และ Crypto รูปแบบที่นิยมนำมา Trade กันได้แก่ Forward, Future และ Option เป็นต้น มูลค่าการซื

By Avareum Research
Avareum Market Outlook 2024: Real-World Assets (RWAs)

Avareum Market Outlook 2024: Real-World Assets (RWAs)

Introduction คำว่า “Real World Asset” หรือเรียกย่อ ๆ ว่า “RWA” ตอนนี้กลายเป็นคำที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายและในทุก ๆ กับคนในวงการคริปโต แต่สำหรับคนทั่วไปที่ยังไม่เข้าใจถึงคำนี้อย่างลึกซึ้ง อาจจะจำกัดความเป็นไปได้ของสินทรัพย์ประเภทนี้ว่าเป็

By Avareum Research
Market Outlook 2024: Liquid Staking (LSD) and Liquid Staking Finance (LSDFi)

Market Outlook 2024: Liquid Staking (LSD) and Liquid Staking Finance (LSDFi)

Liquid Staking Derivative เป็น DeFi อีก Sector หนึ่งที่กำลังร้อนแรงในช่วงนี้หลังจากที่มีการอัปเกรดครั้งสำคัญของ Ethereum อย่าง Shanghai Upgrade ที่จะทำให้คนที่นำ Ethereum มา Staking เพื่อทำ Proof of Stake (PoS) บน Beacon Chain สามารถที่จะ Withdraw ออกไปได้ โดยเงื่อนไขในการเป็น

By Avareum Research