Avareum Market Outlook: September 2023

Avareum Market Outlook: September 2023

Macroeconomics

ในเดือนสิงหาคมตัวเลขอัตราการว่างงานลดลงเล็กน้อยจาก 3.6% มาอยู่ที่ 3.5% ส่วนตำแหน่งงานที่เปิดรับในเดือนสิงหาคมมีการเปิดรับจำนวนที่ลดลงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้มาอยู่ที่ 9.58M ตำแหน่ง ซึ่งสิ่งที่อาจจะไม่เป็นไปตามที่ FED คาดการณ์ไว้คือตัวเลขอัตราการว่างงานที่มีการปรับตัวลดลงมาเล็กน้อย แทนที่จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น FED ต้องการเห็นว่าสิ่งที่ทำ ในการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนั้นมันได้ผล ส่วนในด้านดัชนีการผลิตค่า Index ยังคงต่ำกว่า 50 อยู่นั้นแปลว่าการผลิตอยู่ในสภาวะที่หดตัว มีการผลิตน้อยลง แต่ส่วนภาคบริการยังคงขยายตัวอยู่ แต่ขยายตัวน้อยกว่าเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา 

ในการประชุม FOMC ครั้งล่าสุดประธาน FED คุณ Jerome Powell ได้กล่าวว่าตัวเลขของอัตราเงินเฟ้อ ณ ปัจจุบันยังสูงอยู่ และพูดเตือนออกมาว่ามันจะต้องมีความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นแน่นอน เพราะว่าทาง FED กำลังเตรียมที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งแน่นอน โดยเน้นย้ำว่าเป้ายังคงเหมือนเดิมต้องกดอัตราเงินเฟ้อให้ลงมาที่เป้าหมาย 2% ให้ได้

โดยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะขึ้นเดือนไหนอีก เพราะต้องคอยดูข้อมูลเศรษฐกิจที่เข้ามาใหม่ในแต่ละเดือน โดยที่ FED จะต้องพิจารณาข้อมูลที่เข้ามาอย่างถี่ถ้วนและรอบคอบ ซึ่งจากผลสำรวจมีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในเดือนกันยายน ส่วนโอกาสที่จะขึ้นครั้งสุดท้ายในเดือนพฤศจิกายนนั้นมีโอกาสประมาณ 50% จากผลสำรวจ

สาเหตุที่ Powell ได้พูดว่า Inflation ยังคงสูงอยู่ เนื่องจากข้อมูลในเดือนมิถุนายนและกรกฏาคมที่ตัว Core Inflation นั้นได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ในแต่ละเดือน มันกำลังจะส่งสัญญาณบอกว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ทาง FED ได้เพิ่มขึ้นนั้น มันยังกดอัตราเงินเฟ้อไว้ไม่อยู่ นั้นจึงอาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ FED คิดที่จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นไปเป็น 5.50% - 5.75%   จากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งหมด 11 ครั้งของทาง FED ที่ทำให้อัตราดอกเบี้ยขึ้นมาอยู่ในช่วง 5.25% - 5.50% ถือว่าเป็นระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 22 ปี ของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา นอกจากในส่วนของอัตราดอกเบี้ยที่จะช่วยกดอัตราเงินเฟ้อแล้ว ทาง FED ยังดำเนินนโยบายลด Balance Sheet (Quantitative Tightening) ต่ำสุดในรอบ 2 ปี

Crypto Indicator

Global Asset Index

การเปลี่ยนแปลงดัชนีสินทรัพย์ต่าง ๆ เมื่อเทียบกับตลาดคริปโตฯ ($BTC, $ETH) แสดงตารางด้านล่าง

Fear & Greed Index

Multifactorial Crypto Market Sentiment Analysis

รูปภาพที่ 1: Fear & Greed Index ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2566

ค่า Fear and Greed Index ที่เป็นค่าที่บ่งบอกถึงความกลัวและความโลภของนักลงทุนในตลาดคริปโต ค่า Index โดยค่า Fear and Greed Index เมื่อเดือนที่แล้วมีค่าอยู่ที่ 50 ส่วนในปัจจุบันมูลค่าตลาดคริปโตปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ $1.031T และราคา Bitcoin ปรับตัวลดลงจากเดือนกรกฏาคมมาอยู่ที่ $26,104 ซึ่งราคาหลุดแนวรับสำคัญที่ 28,000 ทำให้คนเกิดความกังวลพอสมควร ทำให้ตอนนี้ค่า Fear and Greed index ปรับตัวลดลงมาเหลือ 39 (Fear)

Crypto Market Overview

มูลค่าของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี (Total Crypto Market Cap.)

รูปภาพที่ 2: มูลค่าของตลาด Crypto ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2566

มูลค่าตลาดคริปโต ณ ปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ $1.03T ได้ปรับตัวลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปลายเดือนกรกฏาคม ประมาณ $103B (ลดลง 9.07%) โดยการลดลงของมูลค่าตลาดคริปโตเกิดจากการปรับตัวของราคา Bitcoin และ Ethereum ที่ลดลงภายในวันเดียว 10% - 15% ซึ่งมีข่าวออกมาว่ามีการขาย Bitcoin ออกมาจากทาง SpaceX ของ Elon Musk มากกว่า $300M เหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นเหมือนกันกับทาง Tesla ที่มีการขาย Bitcoin ออกมา 75% ของ Bitcoin ที่ Tesla ถือไว้ทั้งหมดในช่วงปี 2022 ซึ่งเป็น Bitcoin ที่มีการซื้อมาในช่วงกุมภาพันธ์ปี 2021 นอกจากนี้อีกความเป็นไปได้ที่ราคาลดลงนอกเหนือจากข่าวของ SpaceX คือความผิดหวังของนักลงทุนเนื่องจากทาง SEC ได้มีการเลื่อนระยะเวลาในการพิจารณา BTC ETF ของหลายๆ Firm โดยในช่วงต้นเดือนกันยายนนั้นได้มีการยื่น “Refiling BTC ETF” อีกครั้ง โดยตามตารางเวลาเดิม SEC สามารถที่จะเลื่อนการพิจารณาในแต่ละบริษัทได้อย่างช้าสุดคือเดือนมีนาคมปี 2024  เนื่องจากในวันที่ 16 มิถุนายน 2023 ที่ทาง Blackrock ออกมาประกาศเรื่องจะยื่นขอเปิด BTC ETF นักลงทุนในตลาดค่อนข้างมีความคาดหวัง เพราะมันมีโอกาสความเป็นไปได้สูงที่ Blackrock จะทำสำเร็จ มากกว่ากรณีของ Grayscale ที่เคยยื่นกับทาง SEC มาหลายครั้ง จุดนี้ทำให้นักลงทุนอยู่ในสถานะ “Over Exposure” คือซื้อมากผิดปกติ เมื่อสุดท้ายผลไม่เป็นไปตามอย่างที่คิด จึงเกิดการเทขายออกมา ทำให้ในวันที่ 18 สิงหาคม มีนักลงทุนที่เทรด Bitcoin Future โดนบังคับขายสัญญา Future (Liquidation) ไปประมาณ $120M ภายในวันเดียว ซึ่งจากการปรับตัวลดลงของราคาของเหรียญใหญ่ ที่เป็นดั่งตัวแทนในโลกคริปโต มันทำให้ Sentiment ของตลาดค่อนข้างซึมพอสมควรเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดือนกรกฏาคม

Crypto On-Chain Data

2.4.1 Bitcoin: Realized Cap - UTXO Age Bands (%)

รูปภาพที่ 3: Realized Cap-UTXO Age Band (%) ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2566

Realized Cap-UTXO Age Bands เป็นข้อมูล On-Chain ที่ใช้วัดมูลค่าของ Bitcoin ในกลุ่มคนที่ถือ Bitcoin ในระยะเวลาต่างๆกันว่ามีสัดส่วนเป็นเท่าไร เพื่อใช้วัด Sentiment ของตลาดว่านักลงทุนมีมุมมองเป็นยังไง โดยเราใช้กระเป๋าที่มีอายุในการถือ Bitcoin ในช่วง 1 ปี ถึง 2 ปีใช้เป็นตัวแทนกลุ่มคนที่ลงทุนระยะยาว เมื่อเทียบกับข้อมูลช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาสัดส่วนของกระเป๋าที่ถือ Bitcoin ในระยะเวลา 1-2 ปีมีสัดส่วนอยู่ที่ 26.48% ส่วนในปัจจุบันกระเป๋าที่ถือ Bitcoin ระยะเวลา 1-2 ปี มีสัดส่วนที่ลดลงมาอยู่ที่ 23.16% จะเห็นได้ว่าสัดส่วนการลงทุนของคนถือระยะ 1-2 ปี ลดลง โดยการลดลงของนักลงทุนระยะยาวมีการปรับลดอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาซึ่งไม่สอดคล้องกับราคา Bitcoin ที่ปรับตัวลดลงจาก $30,600 มาอยู่ที่ $26,104

ส่วนในปัจจุบันกระเป๋าที่ถือ Bitcoin ระยะเวลา 1-2 ปี มีสัดส่วนที่ลดลงมาอยู่ที่ 23.16% จะเห็นได้ว่าสัดส่วนการลงทุนของคนถือระยะ 1-2 ปี ลดลง โดยการลดลงของนักลงทุนระยะยาวมีการปรับลดอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาซึ่งไม่สอดคล้องกับราคา Bitcoin ที่ปรับตัวลดลงจาก $30,600 มาอยู่ที่ $26,104

Bitcoin: Exchange Netflow (Total) - All Exchanges

รูปภาพที่ 4: Bitcoin Exchange Netflow ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2566

ถึงแม้ว่าช่วงต้นเดือนสิงหาคมราคา Bitcoin จะมีการดีดปรับตัวขึ้นไปแตะระดับราคาที่ 30,000 ก็ตาม แต่หลังจากนั้นราคาก็เริ่มปรับตัวลดลงจุดหลุดแนวรับสำคัญที่ 28,000 โดยในวันที่ 17 สิงหาคมมีการปรับตัวของราคา Bitcoin ค่อนข้างมากประมาณ -10% ภายในวันเดียว ทำให้ราคาปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ราคา 25,166 ในวันที่ 18 สิงหาคม ก่อนที่จะมีแรงซื้อดันราคากลับมาอยุ่ในระดับ 26,104

โดยจากข้อมูล On-Chain เราจะเห็นว่ามี Net Flow ของ Bitcoin ไหลออกจากทุก Exchange ในระดับราคาดังกล่าวประมาณ 2,898 BTC ซึ่งเราสามารถอนุมานได้ว่า มีปริมาณความต้องการซื้อ Bitcoin ที่ระดับราคาดังกล่าวแล้วโอนออกไปเก็บไว้ที่ Hardware Wallet

Ethereum: Exchange Netflow (Total) - All Exchanges

รูปภาพที่ 5: Ethereum Exchange Netflow ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2566

Ethereum ก็เช่นเดียวกันหลังจากที่ Bitcoin มีการปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ทาง Ethereum ก็ได้มีการปรับตัวของราคาลดลงจนหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,800 จนไปทำจุดต่ำสุดที่ราคา 1,549 ในวันที่ 18 สิงหาคม ซึ่งนับว่าเป็นการรับตัวลดลงของราคาที่เยอะพอสมควรประมาณ 15% ก่อนที่จะมีแรงซื้อกลับพะยุงราคาขึ้นมาอยุ่ที่ 1,651

ซึ่งจากข้อมูล On-Chain เราก็จะเห็นเป็นไปในทางเดียวกันกับ Bitcoin ว่ามีความต้องการซื้อเพิ่มเข้ามาจากการที่มี Net Flow ไหลออกจากทุก Exchange ประมาณ 32,034 ETH แต่ถ้าเทียบกับปริมาณการซื้อในช่วงวันที่ 11 สิงหาคม ที่มี Outflow ออกจากทุก Exchange อยู่ที่ 55,497 ETH ที่ระดับราคา 1,844 ถือว่ามีปริมาณน้อยพอสมควร

Smart Money: Stablecoins Allocation

รูปภาพที่ 6: Smart Money Stable Coin Allocation ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2566

Stablecoins Allocation ถือว่าเป็นอีกหนึ่งข้อมูล On-Chain ที่ใช้บอก Sentiment ของตลาดว่าตอนนี้ Smart Money มีมุมมองกับตลาดเป็นยังไง ตอนนี้มองตลาดเป็นตลาดขาขึ้น (Bullish) หรือตลาดยังคงเป็นขาลงอยู่ (Bearish) ในสมมุติฐานที่ว่า Smart Money ย่อมมีข้อมูลบางอย่างที่ใช้ในการตัดสินใจที่ดีกว่านักลงทุนรายย่อย โดยสัดส่วนของ Stable Coin ที่อยู่ในกระเป๋าของ Smart Money สามารถใช้เป็นตัวชี้วัดได้เหมือนกัน ถ้า Smart Money มีการถือ Stable Coin ในกระเป๋าที่เยอะ เราสามารถตีความหมายได้ว่า “ตัว Smart Money ยังมองว่าเป็นตลาดหมีอยู่” แต่ถ้าสัดส่วนของ Stable Coin ในกระเป๋าลดน้อยลง เราสามารถตีความหมายได้ว่า “Smart Money เริ่มมองว่าเป็นตลาดกระทิง”

  • ตลาดหมี: สัดส่วนของ Stable Coin 25%-40%
  • ตลาดกระทิง: สัดส่วนของ Stable Coin < 25%

ซึ่งข้อมูล On-Chain ณ ปัจจุบันเราจะเห็นว่า ตัว Smart Money ในช่วงกลางเดือนสิงเดือนสิงหาคมได้มีการปรับตัวลดลงของราคา Bitcoin จนหลุดแนวรับสำคัญที่ 28,000 ทำให้ Smart Money มีการเพิ่มสัดส่วนของ Stable Coin มากขึ้นจาก 11% มาเป็น 13% จุดนี้มองว่า Smart Money พยายามที่จะ Risk-Off จากตลาด เพราะราคา Bitcoin ได้ปรับตัวลดลงไปต่ำสุดที่ 25,160 ก่อนที่จะมีแรงซื้อกลับมาอยู่ที่ 26,104 ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 25 สิงหาคม จะเห็นว่า Smart Money เริ่มลดสัดส่วนการถือ Stable Coin เล็กน้อยมาอยู่ที่ 12% ทำให้เราได้เห็นช่วงในการถือ Stable Coin ของ Smart Money ในพอร์ตจะอยู่ในช่วง 11% - 13% ยังไม่ได้ถือว่ามีความกลัวจากตลาดมากนัก โดยเงื่อนไขข้อมูลในอดีตจุดแบ่งการถือ Stable Coin ในช่วงตลาดหมีและตลาดกระทิงจะเป็นพื้นที่ที่อยู่ระหว่าง 20%-25%  ถ้า Smart Money มีมุมมองไม่ดีเกี่ยวกับตลาดก็มักที่จะถือสัดส่วนของ Stable Coin มากขึ้นและเข้าใกล้ Threshold 20% มากขึ้น

Crypto News

DAI Savings Rate is at 8%, just not for Americans [1]

DAI ที่เป็น Stable Coin ของทาง MakerDAO ที่สร้างขึ้นจากการฝาก Ethereum และเหรียญที่อยู่ในกลุ่ม ERC-20 เข้ามาวางเป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน โดยทาง MakerDAO ได้เพิ่มผลตอบแทนในส่วนของ Dai Saving Rate (DSR) ขึ้นเป็น 8% เพื่อดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาถือ DAI มากขึ้น จาก Tweet ของ Christensen ที่เป็น Founder ของ Maker ได้พูดอ้างอิงข้อมูลจาก makerburn.com ว่ามีการฝาก DAI เข้ามาใน DSR เกือบจาก 2 เท่าของปริมาณที่มีอยู่เดิมจาากประมาณ 396M DAI ในวันที่ 6 สิงหาคมมาเป็น 676M DAI ในวันที่ 8 สิงหาคม โดยโปรแกรมการฝากเงินของ MakerDAO อันนี้ให้เฉพาะผู้ใช้งานที่อยู่นอกสหรัฐอเมริกาเท่านั้น โดยที่ผู้ใช้งานไม่สามารถที่จะ Log-in ผ่าน VPN เพื่อหลบเข้ามาใช้งานตัวโปรแกรมดังกล่าวได้

Huobi dismisses plunging stablecoin reserves as ‘FUD’ [2]

จากข้อมูลของ DeFiLlama ในช่วงระหว่างวันที่ 1 ถึง 7 สิงหาคม ได้พบการเปลี่ยนแปลงของบัญชี USDT ของทาง Houbi อย่างมีนัยสำคัญ โดยมีการลดลงของ USDT ไหลออกจาก Houbi ประมาณ $40M จากแต่เดิม Houbi มี Reserve Asset อยู่ที่ $3B ในช่วงต้นปี ลดลงมาเหลือ $2.4M ณ เวลาที่รายงาน ในขณะเดียวกันทาง Nansen ก็ได้รายงานปริมาณสุทธิของการไหลออกของสินทรัพย์ของ Houbi ที่ไม่รวม Bitcoin ว่ามีการไหลออกประมาณ $32.9M ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ในวันที่ 7 สิงหาคม ซึ่งจากแหล่งบางที่รายงานว่า Houbi อาจจะประสบปัญหาในเรื่องสภาพคล่องของ Exchange (Insolvency) ซึ่งหลังจากมีข่าวออกมาดังกล่าว ทาง Houbi ก็ได้ออกมาตอบโต้ว่าไม่เป็นความจริง เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงการ “FUD”

How DeFi users are navigating post-Curve exploit landscape [3]

Curve Finance ได้ถูก Hacker ทำการ Exploit Smart Contract และขโมยเงินมากกว่า $70M ซึ่ง Bug ที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากภาษาที่ใช้ในการเขียน Smart Contract อย่าง Vyper มีปัญหา ซึ่ง Liquidity Pool ที่โดน Hack นั้นเป็น Pool ที่มีการจับคู่กันของเหรียญ Derivative Ethereum ซึ่งตัว Stable Pool ของทาง Curve Finance ไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าว จากการ Hack ครั้งนี้ทรงผลต่อราคาของ Native Token อย่าง $CRV ที่มีการปรับตัวลดลงของราคาทันที มากกว่า 30% จาก $0.73 ลดลงไปต่ำสุดที่ $0.50 ซึ่งความกังวลในโลกคริปโตตกไปอยู่ที่ $CRV ปริมาณมากที่ถูกใช้เป็นสินทรัพย์ค้ำประกันในการกู้เงินออกไป (มูลค่าของ USDT ที่กู้ออกไปประมาณ $70M) บน AAVE V2 ของทาง Michael Egorov (Curve Founder) เสี่ยงที่จะถูกบังคับขาย (Liquidation)

PayPal launches stablecoin tied to the US dollar, issued on Ethereum [4]

PayPal ประกาศทำ Stable Coin ของตัวเองที่มีชื่อว่า “Paypal USD” โดยที่ผู้ใช้งานสามารถที่จะซื้อ Paypal USD และโอนข้ามไปมาระหว่างกระเป๋าของ Paypal เอง และ กระเป๋าของ 3rd Party (External Wallet)  โดยตัว Paypal USD นั้นเป็น Stable Coin ที่อยู่บน ERC-20 ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม “Fiat Backed” ที่ใช้สินทรัพย์ค้ำประกันในรูปแบบเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐและสินทรัพย์ที่เทียบเท่าเงินสดอย่าง Treasury Bond การประกาศครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งสำคัญเลยทีเดียวที่บริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาเข้ามาสร้าง Adoption บนโลก Blockchain 

Decentralized social media app Friend.tech is surging [5]

หลังจากกระแสในเรื่อง Decentralized Social Media บนโลก Blockchain ได้จุดประกายขึ้นมาโดย Len Protocol ที่สร้างจากทีมงานของ AAVE ในตอนนี้อีกหนึ่ง Dapp ที่จับตามองและอยู่ในหมวดเดียวกัน นั้นคือ Dapp ที่มีชื่อว่า “Friend Tech” อยู่บน Base Network ที่เป็น Layer 2 Scaling Solution ของทาง Coinbase โดยทาง Friend Tech นั้นได้มีปริมาณธุรกรรมทั้งหมดมากถึง 1.3M ธุรกรรมตั้งแต่เปิดตัวมา อ้างอิงจากข้อมูลในวันที่ 22 สิงหาคม โดยตัว Friend Tech นั้นได้ดึงความสนใจของผู้ใช้งานในโลกคริปโต 100,000 รายหลังระยะเวลาการเปิดตัวมาไม่นาน โดยผู้ใช้งานจะต้องทำการซื้อสิ่งที่เรียกว่า “Shares หรือ Keys” สำหรับการเข้าร่วมอ่าน Exclusive Content จากทางเจ้าของบัญชี ซึ่งการซื้อขาย Shares หรือ Keys ที่เกิดขึ้นนั้นจะมีการคิดค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ของ Friend Tech Platform จากข้อมูลทาง DeFiLlama ได้รายงานว่าในระยะเวลา 24 ชั่วโมงในวันที่ 22 สิงหาคม ตัว Platform นั้นทำรายได้ไปมากถึง $1.42M กลายเป็น Platform ที่ทำรายได้เป็นอันดับ 3 รองจาก Lido และ Ethereum Blockchain

Crypto Technical Analysis

วิเคราะห์เหรียญ Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) ด้วย Technical Analysis

Bitcoin (BTC)

รูปภาพที่ 7: Bitcoin Dominance ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2566

Bitcoin Dominance

Bitcoin Dominance มีการปรับตัวลดลงตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม โดยค่า ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 49.25% และเป็นไปในทิศทางเดียวกับ Ethereum Dominance ที่มีการปรับตัวลดลงเช่นกัน แต่ในส่วนของ Alternative Coin Dominance นั้นปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งตรงจุดนี้เราต้องเปรียบเทียบกับมูลค่าของตลาดคริปโตโดยรวม (Total Crypto Market Cap) ว่ามีการเพิ่มขึ้นหรือลดลงเพื่อที่จะบอกว่าได้ว่า Fund Flow นั้นไหลเข้าหรือไหลออกจากคริปโตตัวไหน ซึ่งตั้งแต่วันที่ 25 กรกฏาคม จนถึง 25 สิงหาคม 2023 มูลค่าของตลาดคริปโตนั้นปรับตัวลดลง $102B (8.73%) เราสามารถอนุมานตรงนี้ได้ว่า มี Fund Flow ไหลออกจาก Bitcoin ในปริมาณที่มากกว่า Alternative Coin

รูปภาพที่ 8: Bitcoin Price Analysis ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2566

โดยราคา BTC ปรับตัวลงหลังจากไปทำจุดสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่ $31,606 แล้วปรับตัวลดลงมาจนหลุดแนวรับ $28,000 โดย ณ วันที่บันทึกข้อมูล วันที่ 25 สิงหาคม ราคาอยู่ที่ $26,104 ซึ่งแนวรับสำคัญที่ระดับราคานี้ทางฝ่ายวิจัย Avareum มองที่ $25,000 เป็นแนวรับสำคัญ ถ้าหลุดแนวรับตรงนี้ จุดถัดไปจะเป็นที่ระดับราคา $20,000 

Ethereum (ETH)

รูปภาพที่ 9: Ethereum Price/ Bitcoin Price Analysis ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2566

หลังจากเหตุการณ์ในวันที่ 17 สิงหาคมที่ราคาของทั้ง Bitcoin และ Ethereum มีการปรับตัวลดลงแรงวันเดียว 10-15% เราจะเห็นว่าแท่งราคาของ ETH/BTC นั้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น นั้นแปลว่าตัวของ Ethereum ค่อนข้างที่จะแข็งกว่า Bitcoin พอสมควร แต่หลังจากนั้นราคาก็เริ่มปรับตัวลดลงมา เมื่อเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงระหว่างเดือนในวันที่ 25 กรกฏาคม จากระดับราคา 0.06357 มาที่ระดับราคา 0.06343  (%MoM เพิ่มขึ้น -0.22%) ฝ่ายวิจัย Avareum มองว่ายังคงเป็นกรอบ Side Way ของทั้งคู่ที่ยังไม่สามารถบอกว่าได้ว่าตัวไหนจะ Out Perform อย่างชัดเจน ซึ่งในกรณีที่มี Trend อย่างชัดเจนไปทางใดทางหนึ่ง จุดนั้นจะเป็นจุดที่ทำให้เราสามารถที่จะ Switch จาก Bitcoin เป็น Ethereum หรือ Ethereum เป็น Bitcoin เพื่อเพิ่ม Purchasing Power

ถึงแม้ว่าตลาดจะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีมากนักเนื่องจากราคาของ Ethereum ก็ได้ปรับตัวลดลงมาแต่อัตราการ Staking ของ Ethereum ก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด จากข้อมูลในเดือนกรกฏาคมนั้น Ethereum Staking Rate อยู่ที่ 20.67%  ณ ปัจจบัน อ้างอิงจากข้อมูลวันที่ 25 สิงหาคม 2023 Ethereum Staking Rate เพิ่มขึ้นมาเป็น 21.85%

เมื่อเทียบกับ Ethereum Total Supply โดยมีปริมาณ Ethereum ทั้งหมดที่ Stake บน Beacon Chain อยู่ที่ 25.98M $ETH โดย ณ ปัจจุบัน อัตราผลตอบแทนต่อปี (%APR) อยู่ที่ 4.89% ลดลงจากเดือนกรกฏาคมที่มีอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 5.76%

ในฝั่งของ Validators ณ ปัจจุบัน ที่ทำการ Operate Nodes อยู่ที่ 812,136 Nodes ซึ่งถ้าเราเปรียบเทียบการเติบโตจากเดือนที่ผ่านมา ณ วันที่ 25 กรกฏาคม 2023 มีปริมาณ Nodes อยู่ที่ 769,043 Nodes ในเดือนสิงหาคม %MoM เติบโตอยู่ที่ 5.6%

ซึ่งการเติบโตเริ่มชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับ %MoM ในรอบเดือนที่ผ่านมา ส่วน Entity ที่ยังคงมีปริมาณการ Stake ETH สูงสุดก็ยังเป็นทางฝั่งของ Liquid Staking อย่าง Lido อยู่ โดยมี Market Share ของการ Staking เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฏาคม จาก 31.72% มาเป็น 32.17%

รูปภาพที่ 10: การเปรียบเทียบระหว่าง Ethereum Staked และ Validators ณ วันที่ 25 มิถุนายน ถึง 25 สิงหาคม 2566

ณ ปัจจุบันนับตั้งแต่หลังจบ Shanghai Upgrade ในวันที่ 14 เมษายน 2023 มีปริมาณ Net Flow (Deposit + Withdraw) มี ETH ไหลเข้ามาในระบบเพื่อทำการ Stake บน Beacon Chain อยู่ที่ 6.52M ETH

ราคาของ Ethereum หลุดแนวรับสำคัญที่ระดับราคา $1,800 โดย ณ วันที่บันทึกข้อมูล วันที่ 25 สิงหาคม ราคาอยู่ที่ $1,650

รูปภาพที่ 11: Ethereum Price Analysis ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2566

สรุปแนวรับ/แนวต้านของ Bitcoin และ Ethereum

Market Outlook for Next Month

จากคำพูดของ Jerome Powell ในการประชุม FOMC ล่าสุด ได้บอกว่าตัวเลขอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในอัตราที่สูงอยู่และเตรียมรับมือกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งถัดไป โดยที่ทาง FED ยังคงต้องพิจารณาข้อมูลทางเศรษฐกิจที่จะเข้ามาใหม่ในแต่ละเดือนและตัดสินใจอย่างรอบคอบในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งถัดไป โดยเดือนกันยายนตามผลสำรวจมีความเป็นไปได้น้อยมากที่ทาง FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ซึ่งตัวเลขที่เราต้องติดตามยังคงเป็นเรื่องอัตราการว่างงานและ Core CPI 

ในฝั่งของตลาดคริปโตในเดือนกันยายน ช่วงต้นเดือนจะมีการ Refilingในการยื่น BTC ETF ให้ทาง SEC พิจารณาอีกครั้ง โดยที่ทาง SEC นั้นสามารถที่จะเลื่อนการพิจารณาได้อย่างช้าที่สุดในช่วงเดือนมีนาคมปี 2024 ซึ่งถ้าการพิจารณาที่จะถึงนี้ยังคงเลื่อนออกไปอีก ก็ไม่ได้เกินความคาดหมายซักเท่าไร ด้วยเรื่องสภาวะตลาดคริปโต ณ ปัจจุบันด้วย แต่นักลงทุนหลายๆคน ยังคงว่าอย่างน้อย โอกาสที่จะเป็นไปได้มากที่สุดคือยอมให้ทาง Blackrock ผ่าน ซึ่งถ้าผลออกมาผ่านจริง ก็น่าจะเป็น Positive Sentiment ให้กับตลาดคริปโตพอสมควร นอกเหนือจากการยื่น BTC ETF แล้วในฝั่งของ Mt.Gox ก็ได้มีการเลื่อนกำหนดการคืน Bitcoin แก่นักลงทุนไปอย่างไม่มีกำหนด โดยที่ตอนแรกเรามองกันที่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 ที่จะมีการคืนและอาจจะเกิด Sell Pressure จากการขายทำกำไร Bitcoin จากนักลงทุน


References

[1] Liu, B. (2023, August 8). DAI Savings Rate is at 8%, just not for Americans. Blockworks. https://blockworks.co/news/dai-savings-rate-us

[2] Nagarajan, S. (2023, August 7). Huobi dismisses plunging stablecoin reserves as ‘FUD.’ Blockworks. https://blockworks.co/news/huobi-dismisses-reserves-fud

[3] Liu, B. (2023, August 8). How DeFi users are navigating post-Curve exploit landscape. Blockworks. https://blockworks.co/news/post-curve-defi-landscape

[4] Ross, K. (2023, August 7). PayPal launches stablecoin tied to the US dollar, issued on Ethereum. Blockworks. https://blockworks.co/news/paypal-launches-stablecoin

[5] Liu, B. (2023, August 22). Decentralized social media app Friend.tech is surging. Blockworks. https://blockworks.co/news/friendtech-social-token



Disclaimer: Avareum Research is an independent crypto research firm committed to providing unbiased and informative content. While we strive for complete objectivity, it's important to note that the research industry is inherently complex and may be influenced by various factors. To ensure transparency, we disclose any potential conflicts of interest, such as financial sponsorships or investments in the crypto space. Ultimately, all research and analysis provided by Avareum Research is intended for informational purposes only and should not be considered financial advice. Please consult with a qualified professional before making any investment decisions.

© 2024 Avareum Research. All Rights Reserved. This article is provided for informational purposes only. It is not offered or intended to be used as legal, tax, investment, financial, or other advice.

Read more

Dethrone: From Quantitative Easing to Digital Currencies - What's Next for the Dollar's Status Quo? (TH)

Dethrone: From Quantitative Easing to Digital Currencies - What's Next for the Dollar's Status Quo? (TH)

In the long run we are all dead. - John Maynard Keynes QE กับทฤษฏีเงินเฟ้อ (ตอนที่ 1): Oversupply Always Leads to Devaluation June 2015 นี่คือกฎเศรษฐศาสตร์พื้นฐานที่เราคุ้นเคยกันดี เมื่อน้ำมันล้นตลาด ราคาน้ำมันก็ตกต่ำ เมื่อแรงงานในประเทศมีมากเกินไป ค่

By Avareum Research
Crypto Narrative 2024: Web 3.0 and Blockchain Adoption

Crypto Narrative 2024: Web 3.0 and Blockchain Adoption

Introduction to Web 3.0 and Blockchain Technology ประเด็นสำคัญ Web 3.0 หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “Semantic Web” หรือ “Decentralized Web” นับเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในโลกดิจิทัล โดยนำเสนอประสบการณ์ส่วนบุคคล ผ่านระบบสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract)

By Avareum Research